Login
Register
TEL : 02-749-8590 E-MAIL : INFO@SPRING.CO.TH
EN
TH
HOME
PRODUCTS
WIRE FORMING&TORSION SPRING
CONCOIL COMPRESSION SPRING
EXTENSION SPRING
STRIP SPRING
PRODUCTION
COMPANY
Shop
Lazada
Shopee
เพิ่มเติม
CONTACT US
CONTENT
More
TEL : 02-749-8590 E-MAIL : INFO@SPRING.CO.TH
HOME
PRODUCTS
WIRE FORMING&TORSION SPRING
CONCOIL COMPRESSION SPRING
EXTENSION SPRING
STRIP SPRING
PRODUCTION
COMPANY
Shop
Lazada
Shopee
เพิ่มเติม
CONTACT US
CONTENT
More
Login
Register
EN
TH
INFORMATION
ประวัติศาสตร์ของการขึ้นรูปโลหะ
ประวัติศาสตร์ของการขึ้นรูปโลหะย้อนกลับไปหลายพันปี เริ่มจากเทคนิคการตบแต่งโลหะแบบง่ายๆ จนพัฒนาสู่กระบวนการอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ต่อไปนี้คือภาพรวมการพัฒนาการขึ้นรูปโลหะ:
ยุคโบราณ (ก่อนประวัติศาสตร์ – 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
การตีด้วยมือ (≈ 8000 ปีก่อนคริสต์ศักราช): มนุษย์เริ่มใช้ โลหะธรรมชาติ เช่น ทองคำและทองแดง ตีเป็นเครื่องประดับและเครื่องมือ
ยุคสำริด (≈ 3000 ปีก่อนคริสต์ศักราช): การคิดค้น สำริด (ทองแดง + ดีบุก) นำไปสู่การพัฒนาเทคนิค การหล่อ และ การตีขึ้นรูป สำหรับอาวุธและเครื่องมือ
ยุคเหล็ก (≈ 1200 ปีก่อนคริสต์ศักราช): การถลุงเหล็กทำให้เกิดเครื่องมือและอาวุธที่แข็งแกร่งขึ้น ช่างตีเหล็กใช้ค้อนและทั่งเพื่อขึ้นรูปโลหะ
ยุคคลาสสิกและยุคกลาง (500 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 1500)
ความก้าวหน้าในโรมันและจีน: ชาวโรมันพัฒนาการขึ้นรูป โลหะแผ่น สำหรับเกราะ ในขณะที่จีนพัฒนา เตาหลอมแบบเป่า สำหรับหล่อเหล็ก
การตีเหล็กในยุคกลาง: ช่างตีเหล็กปรับปรุงเทคนิค การตีขึ้นรูป เพื่อผลิตดาบ เกราะ และอุปกรณ์เกษตร
ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (ศตวรรษที่ 18–19)
การตีด้วยเครื่องจักรไอน้ำ (1700s): การประดิษฐ์ ค้อนไอน้ำ (เช่นของ James Nasmyth, 1839) ช่วยให้ขึ้นรูปชิ้นงานขนาดใหญ่ได้
เครื่องรีดเหล็ก (1783): Henry Cort ประดิษฐ์ กระบวนการพัดลมเป่า และเครื่องรีดเหล็ก ช่วยผลิตเหล็กดัดได้ปริมาณมาก
เครื่องอัดไฮดรอลิก (1795): Joseph Bramah คิดค้นเครื่องอัดไฮดรอลิก ช่วยปรับปรุงกระบวนการ ดึงลึก และ การตัดแผ่นโลหะ
ยุคสมัยใหม่ (ศตวรรษที่ 20 – ปัจจุบัน)
การขึ้นรูปร้อนและเย็น (1900s): การพัฒนา การรีดเย็น และ การตีขึ้นรูปร้อน ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความแข็งแรง
การตัดแผ่นโลหะ (1920s): อุตสาหกรรมยานยนต์นำ การตัดขึ้นรูปด้วยเครื่องกด มาใช้ผลิตตัวถังรถ
ระบบอัตโนมัติความเร็วสูง (1950s–60s): เครื่อง CNC และ การตัดแบบต่อเนื่อง ปฏิวัติการผลิต
การขึ้นรูปด้วยของไหลและซูเปอร์พลาสติก (ปลาย 1900s): เทคนิคใหม่ๆ เช่น ไฮโดรฟอร์มมิ่ง (ใช้แรงดันน้ำ) และ การขึ้นรูปซูเปอร์พลาสติก (สำหรับอุตสาหกรรมการบิน) เกิดขึ้น
การผลิตแบบเติมเนื้อ (2000s): เทคโนโลยี 3D Printing นำไปสู่การผสมผสานระหว่างการขึ้นรูปแบบดั้งเดิมและดิจิทัล
นวัตกรรมสำคัญ:
การตีขึ้นรูป (โบราณ) → เครื่องรีดเหล็ก (1783) → การตัดแผ่นโลหะ (1920s) → CNC & อัตโนมัติ (1960s) → ไฮโดรฟอร์มมิ่ง & 3D Printing (ปัจจุบัน)
ปัจจุบัน การขึ้นรูปโลหะมีความสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ การบิน และการก่อสร้าง โดยมีการพัฒนาต่อเนื่องในด้าน ความแม่นยำ ความยั่งยืน และระบบอัตโนมัติ
ประวัติศาสตร์ของการขึ้นรูปสปริง (Spring Forming History)
การขึ้นรูปสปริงมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานควบคู่ไปกับการพัฒนาของโลหะวิทยาและวิศวกรรมเครื่องกล นี่คือไทม์ไลน์การพัฒนาของสปริงและเทคโนโลยีการขึ้นรูปสปริง:
ยุคโบราณ (ก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 1400)
สปริงธรรมชาติ: มนุษย์ยุคหุงใช้กิ่งไม้หรือวัสดุที่มีความยืดหยุ่นเป็นสปริงพื้นฐาน
สปริงโลหะยุคแรก (≈ 1500 ปีก่อนคริสต์ศักราช): ชาวเคลต์และอียิปต์โบราณใช้ ลวดทองแดงบิดเกลียว เป็นสปริงในเครื่องประดับและอุปกรณ์ล่าสัตว์
สปริงในเครื่องจักรกลโบราณ: กรีกและโรมันใช้ สปริงแบบใบ (Leaf Spring) ในรถม้าและเครื่องยิง
ยุคเรเนสซองส์ – ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (ค.ศ. 1400–1800)
นาฬิกาเครื่องกล (ศตวรรษที่ 15): การประดิษฐ์ สปริงแบบขด (Coil Spring) ในนาฬิกาข้อมือ
สปริงในอาวุธปืน (ศตวรรษที่ 17): ใช้สปริงแบบขดในกลไกปืนไฟ
การผลิตสปริงด้วยเครื่องจักร (ศตวรรษที่ 18): เริ่มผลิตสปริงด้วยเครื่องมือกลแบบง่าย
ยุคอุตสาหกรรม (ศตวรรษที่ 19–20)
เครื่องม้วนสปริงอัตโนมัติ (1850s): Robert Trevithick พัฒนาเครื่องม้วนสปริงแบบกลไก
เหล็กสปริงคุณภาพสูง (1860s): การผลิตเหล็กกล้าคาร์บอนสูง (Spring Steel) ช่วยเพิ่มความทนทาน
สปริงในยานยนต์ (ปลายศตวรรษที่ 19): ใช้ สปริงแบบขดและแบบใบ ในระบบกันสะเทือนรถยนต์
เทคโนโลยีการอบชุบ (1900s): การอบชุบความร้อน (Heat Treatment) ช่วยปรับปรุงสมบัติของสปริง
ยุคอุตสาหกรรม (ศตวรรษที่ 19–20)
เครื่องม้วนสปริงอัตโนมัติ (1850s): Robert Trevithick พัฒนาเครื่องม้วนสปริงแบบกลไก
เหล็กสปริงคุณภาพสูง (1860s): การผลิตเหล็กกล้าคาร์บอนสูง (Spring Steel) ช่วยเพิ่มความทนทาน
สปริงในยานยนต์ (ปลายศตวรรษที่ 19): ใช้ สปริงแบบขดและแบบใบ ในระบบกันสะเทือนรถยนต์
เทคโนโลยีการอบชุบ (1900s): การอบชุบความร้อน (Heat Treatment) ช่วยปรับปรุงสมบัติของสปริง
ยุคสมัยใหม่ (ศตวรรษที่ 20–ปัจจุบัน)
เครื่อง CNC สำหรับผลิตสปริง (1960s): การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการผลิตสปริง
สปริงในอุตสาหกรรมอากาศยาน (1970s): ใช้วัสดุพิเศษเช่น ไทเทเนียมอัลลอยด์ และ สปริงแบบแกส
สปริงขนาดเล็กในอิเล็กทรอนิกส์ (1990s): ใช้ในอุปกรณ์พกพา เช่น สปริงในเมาส์คอมพิวเตอร์
การพิมพ์ 3D สปริง (2010s): การผลิตสปริงด้วยเทคโนโลยี Metal 3D Printing
วัสดุและเทคโนโลยีสำคัญในการผลิตสปริง
ยุคสมัย วัสดุ เทคโนโลยีการผลิต โบราณ ทองแดง, ไม้ ตีด้วยมือ, บิดเกลียว ยุคกลาง เหล็กดิบ
การตีขึ้นรูปแบบใบ ปฏิวัติอุตสาหกรรม เหล็กสปริง เคื่องม้วนอัตโนมัติ
สมัยใหม่ สแตนเลส, ไทเทเนียม CNC, 3D Printing
การใช้งานสปริงในปัจจุบัน
ยานยนต์: สปริงกันสะเทือน, สปริงคลัตช์
การบิน: สปริงในระบบล้อเครื่องบิน
อิเล็กทรอนิกส์: สปริงในคีย์บอร์ด, สวิตช์
การแพทย์: สปริงในอุปกรณ์ผ่าตัด
ลวดสปริงต่างจากลวดทั่วไปอย่างไร
ลวดสปริงและลวดทั่วไปอาจดูคล้ายกันในเบื้องต้น แต่มี ความแตกต่างที่สำคัญ ทั้งในด้าน วัสดุ คุณสมบัติทางกล และการใช้งาน โดยสรุปได้ดังนี้:
1. วัสดุและการจัดองค์ประกอบทางเคมี
ลักษณะ ลวดสปริง ลวดทั่วไป (เช่น ลวดเหล็กกล้า) วัสดุหลัก
เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (Spring Steel) เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ, เหล็กอ่อน, สแตนเลส ส่วนผสมพิเศษ
ซิลิกอน, แมงกานีส, แวนาเดียม* มักไม่มีส่วนผสมเพิ่มประสิทธิภาพ
การอบชุบ ผ่านการอบชุบความร้อน (Heat Treatment)
ส่วนใหญ่ไม่ผ่านการอบชุบ
*เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น
2. คุณสมบัติทางกล
คุณสมบัติ
ลวดสปริง
ลวดทั่วไป
ความยืดหยุ่น
สูงมาก (สามารถคืนรูปได้ดี)
ต่ำ (มักเสียรูปถาวรเมื่อดัด)
ความแข็งแรง
แข็งแรงทนแรงดึงสูง (High Tensile)
แข็งแรงปานกลาง
ความทน
ทนต่อการรับแรงซ้ำได้ดี
เสียหายง่ายเมื่อใช้งานซ้ำ
Lorem ipsum dolor sit amet, pri et feugiat consulatu. Eu per ceteros platonem. Ea dictas legendos ius. At adhuc solum has. Nec at harum euripidis, habeo elitr patrioque ne mel. Mei probo oportere posidonium in, has ei everti volutpat consequat.
VIDEO
รับผลิตสปริงทุกชนิดตามออเดอร์
Powered by
MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว
and
นโยบายคุกกี้
Set Cookies
Accept All